เสิ่นหยาง (沈阳)คือ เมืองเอกขนาดใหญ่ที่สุดแห่งอีสานเหนือของจีน โดยเมืองเสิ่นหยางเป็นเมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิงของประเทศจีน ทั้งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจ การคมนาคมของมณฑลเหลียวหนิง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนักและการแปรรูปวัตถุดิบล้วนตั้งอยู่ในเสิ่นหยาง ซึ่งในปี 2006 เสิ่นหยางได้เป็นเจ้าภาพงานแสดงพฤกษานานาชาติ และนอกจากนี้ยังร่วมมือกับรัฐบาลปักกิ่งเป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วมโอลิมปิกจัดการแข่งขันฟุตบอลสนามแข่งย่อยในมหกรรมโอลิมปิก 2008 อีกด้วย
เสิ่นหยางเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ตามตำนานเล่าว่าเมืองใหญ่ทางภาคอีสานแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงมาก่อนเห็นได้จากพระราชวังกู้กงเมืองเสิ่นหยางที่ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาตร์ที่สำคัญของเมืองเสิ่นหยางอีกด้วย ต่อมาหัวหน้าเผ่าแมนจูได้ยกทัพเข้าตีปักกิ่ง โค่นล้มราชวงศ์หมิง สถาปนาเป็นราชวงศ์ชิงและย้ายเมืองหลวงจากเดิมเสิ่นหยางมาอยู่ที่กรุงปักกิ่งแทน
ปัจจุบันเมืองเก่าเสิ่นหยางยังคงมีร่องรอยของวัฒนธรรมโบราณหลงเหลืออยู่ โดยมีสถานที่เลื่องลือและมีชื่อเสียงได้แก่ พระราชวังเสิ่นหยาง ซึ่งที่นี่มีประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ควรค่าไม่น้อยไปกว่าพระราชวังต้องห้าม (กู้กง) ในปักกิ่ง
เมืองเสิ่นหยางอยู่ในเขตอบอุ่นกึ่งร้อนชื้น ฤดูกาลแบ่งออกเป็น 4 ฤดูอย่างชัดเจน ฤดูหนาวอากาศหนาวถึงหนาวจัดและแห้งแล้ง ส่วนฤดูร้อนอุณหภูมิสูง ฝนตกบ่อย (ข้อมูลปี 2005) และในฤดูใบไม้ร่วงและใบไม้ผลิค่อนข้างเย็นสบาย ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวใน
เสิ่นหยางจะอยู่ระหว่างเดือนเมษายน - ตุลาคม อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 24.8 องศาเซลเซียส
เมืองเสิ่นหยางเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองฮาร์บินโดยสามารถเดินทางถึงกันได้โดยใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะเวลาประมาณ 2 ชม. 43 นาทีเท่านั้น
เสิ่นหยางเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ตามตำนานเล่าว่าเมืองใหญ่ทางภาคอีสานแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงมาก่อนเห็นได้จากพระราชวังกู้กงเมืองเสิ่นหยางที่ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาตร์ที่สำคัญของเมืองเสิ่นหยางอีกด้วย ต่อมาหัวหน้าเผ่าแมนจูได้ยกทัพเข้าตีปักกิ่ง โค่นล้มราชวงศ์หมิง สถาปนาเป็นราชวงศ์ชิงและย้ายเมืองหลวงจากเดิมเสิ่นหยางมาอยู่ที่กรุงปักกิ่งแทน
ปัจจุบันเมืองเก่าเสิ่นหยางยังคงมีร่องรอยของวัฒนธรรมโบราณหลงเหลืออยู่ โดยมีสถานที่เลื่องลือและมีชื่อเสียงได้แก่ พระราชวังเสิ่นหยาง ซึ่งที่นี่มีประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ควรค่าไม่น้อยไปกว่าพระราชวังต้องห้าม (กู้กง) ในปักกิ่ง
เมืองเสิ่นหยางอยู่ในเขตอบอุ่นกึ่งร้อนชื้น ฤดูกาลแบ่งออกเป็น 4 ฤดูอย่างชัดเจน ฤดูหนาวอากาศหนาวถึงหนาวจัดและแห้งแล้ง ส่วนฤดูร้อนอุณหภูมิสูง ฝนตกบ่อย (ข้อมูลปี 2005) และในฤดูใบไม้ร่วงและใบไม้ผลิค่อนข้างเย็นสบาย ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวใน
เสิ่นหยางจะอยู่ระหว่างเดือนเมษายน - ตุลาคม อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 24.8 องศาเซลเซียส
เมืองเสิ่นหยางเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองฮาร์บินโดยสามารถเดินทางถึงกันได้โดยใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะเวลาประมาณ 2 ชม. 43 นาทีเท่านั้น