British culture วัฒนธรรมของชาวอังกฤษ
วัฒนธรรมเมืองผู้ดี หรือ British culture ที่เราต้องรู้ก่อนเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษที่ UK มีอะไรบ้างวันนี้พี่ๆกู๊ดไทม์จะเอามาเล่าให้น้องๆฟังกันจ้า
1. สิ่งที่น้องๆถามกันมากที่สุดเรื่องของการให้ทิปพนักงานเสิร์ฟมีความจำเป็นหรือไม่ พี่ๆขอตอบว่าที่อังกฤษก็เหมือนกับประเทศไทยครับคือเราจ่ายเงินเท่าบิลที่ร้านอาหารเรียกเก็บเลยครับ ร้านอาหารหลายๆที่จะเป็นแบบ self service คือเราเดินไปสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์และจ่ายเงินตรงนั้นตามยอดในบิลและเดินไปรับอาหารและไปหาที่นั่งทานในร้านได้เลย ส่วนร้านอาหารประเภทที่นั่งสั่งที่โต๊ะและเรียกเก็บบิลที่โต๊ะก็ไม่จำเป็นต้องบวกทิปเช่นเดียวกัน เพราะในบิลจะมีการบวกค่าบริการและค่าภาษีไว้อยู่แล้วซึ่งจะสรุปไว้ด้านล่างบิล น้องๆที่จ่ายแทนเพื่อนๆไปก่อนเวลาเราหารกันก็อย่าลืมบวกส่วนนี้ไปด้วยน้า เพราะร้านอาหารหลายๆร้านจะไม่ได้บวกส่วนนี้ไว้ในราคาในเมนูอาหาร ส่วนใหญ่ค่าบริการและภาษีจะบวกประมาณ 25% ของยอดรวม สรุปสั้นๆว่าหากเราไม่ให้ทิปจะไม่โดนมองแรงใส่แน่นอน เพราะว่าวัฒนธรรมที่นี่ไม่เหมือนกับที่อเมริกาครับ
2. น้องๆอาจจะคิดว่าฝรั่งเป็นประเทศที่มีความเปิดเผยในเรื่องเพศมากๆจากการดูทีวี แต่จากประสบการณ์ตรงของพี่นั้นรู้สึกว่าที่อังกฤษมีความใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก เราเดินตามถนนจะไม่เห็นคู่รักแสดงความรักกอดจูบกันให้เราเห็นเหมือนในทีวีเลย วัฒนธรรมของอังกฤษยังคงไม่เปิดเผยขนาดนั้น รวมถึงน้องๆที่เป็นแฟนกันและต้องการไปเรียนและพักในห้องพักเดียวกันนั้นเป็นเรื่องยากมากๆครับที่โฮสแฟมิลี่ส่วนใหญ่จะรับจะรับได้ในวัฒนธรรมของชาวอังกฤษ
3. ชาวอังกฤษจะพูดจากันเบามากๆ เวลาเราไปนั่งรถไฟฟ้าหรือเดินตามที่สาธารณะ จะพูดจากันเบามากไม่มีการตะโกนโหวกเหวก และหากน้องอยู่ในที่สาธารณะนั้นถ้าเราจะดูคลิปวีดีโอหรือดูหนังจำเป็นจะต้องใส่หูฟังนะครับ
4. การดื่มแอลกอฮอล์ ที่ประเทศอังกฤษนั้นเราสามารถดื่มได้ตลอดเวลาไม่มีการจำกัดเวลาขาย แต่จะไม่มีการขายแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หากนักเรียนหน้าเด็กแต่อายุเราเกินเจ้าหน้าที่จะมีการขอดูพาสปอร์ตเราก่อนเพื่อเป็นการคอนเฟิร์มว่าเราอายุเกิน 18 ปีถึงจะขายให้เราได้รวมถึงการเข้าผับต่างๆ นักเรียนอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไม่ได้จ้า
5. ร้านอาหารที่อังกฤษน้อยมากที่จะมีการเปิดเพลงในร้านอาหาร น้องๆคนไหนที่คาดว่าจะไปนั่งชิวๆจิบแอลกอฮอล์ฟังเพลงอาจจะต้องทำใจนิดนึงนะครับ พี่ก็เป็นสายที่ชอบแบบนี้แต่บอกเลยหายากหน่อยครับ แต่ก็มีร้านที่เปิดเพลงนะครับจะต้องเป็นพวก Night club เท่านั้นที่เปิดเพลง เพราะชาวอังกฤษเน้นคุยกันตอนรับประทานอาหารแบบไม่มีเสียงรบกวน
6. ค่าไฟที่อังกฤษแพงมากๆๆ เพราะฉะนั้นโอสแฟมิลี่อาจจะกำชับเราหนักมากๆ ในเรื่องที่ว่าถ้าเราจะออกนอกบ้านจะต้องปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆและดึงปลั๊กออกจากเต้าเสียบ ห้ามเสียบค้างไว้นะครับน้อง เพราะค่าไฟที่นั่นเค้าแพงจริงๆ
7.การขึ้นรถเมล์ที่อังกฤษจำเป็นต้องโบกรถด้วย ถ้าสายที่เรากำลังจะขึ้นกำลังขับมาแล้ว เพราะบางป้ายถ้าไม่มีคนลงและไม่มีคนโบกคนขับจะไม่จอด
8. ที่อังกฤษนั้นทุกคนมีความเท่าเทียมมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีเท่ากันไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร จะรวยหรือจะจน จะหน้าตาดีหรือหน้าตาไม่ดี จะไม่มีการทักจุดด้อยของคนอื่น เป็นสิ่งต้องห้ามมากๆ ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวมาแบบไหน แบรนด์เนมหรือไม่แบรนด์เนม คนอังกฤษจะทักว่าวันนี้คุณแต่งตัวสวยจัง จะพูดแต่เรื่องดีๆเท่านั้น หากเราเห็นจุดด้อยของคนอื่นห้ามพูดนะครับ การหาเรื่องคุยของวัฒธรรมอังกฤษคือพูดเรื่องทั่วไป สภาพอากาศ หรืออื่นๆ ไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวของคนที่ไม่สนิทนะครับ จากที่พี่สังเกตได้เพื่อนชาวอังกฤษของพี่หรือคนที่อยู่อังกฤษมานานๆแทบจะ 100% จะไม่มีการพูดถึงข้อดีของตัวเองให้คนอื่นฟังเลย เอาง่ายๆคือไม่ค่อยโอ้อวดว่าตัวเองดีหรือเหนือกว่าคนอื่นอย่างไรเพราะที่นี่จะไม่มีคนสนใจอะไรแบบนี้เพราะเขาคิดว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แม้กระทั่งบางคนเวลาลงจากรถเมล์ยังตะโกนบอกคนขับว่า Thank you driver
9.ที่อังกฤษร้านขายของที่เปิด 24 ชม.แทบไม่มีเลยครับ ส่วนใหญ่จะปิดประมาณ 4 ทุ่มน้องๆ ใครอยากซื้อของต่างๆควรเตรียมตัวก่อน 4 ทุ่มนะครับ ที่อังกฤษไม่มีร้าน 7/11 นะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต Local ,
ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตแฟรนไชส์จะมี Sainbury , Tessco, และ Co op , M&S หรือ Mark and Spenser
นี่เป็นแค่วัฒนธรรมของชาวอังกฤษบางส่วนที่พี่ๆกู๊ดไทม์เอ็ดดูเคชั่น เอามาเล่าให้น้องๆฟังน้า ในวันปรับพื้นฐานก่อนเดินทางไปเรียนที่อังกฤษทางบริษัทจะมีพี่ๆที่มีประสบการณ์ตรง ในอังกฤษมาเล่าวัฒนธรรมของชาว UK ที่น้องๆควรทราบให้อีกน้า
1. สิ่งที่น้องๆถามกันมากที่สุดเรื่องของการให้ทิปพนักงานเสิร์ฟมีความจำเป็นหรือไม่ พี่ๆขอตอบว่าที่อังกฤษก็เหมือนกับประเทศไทยครับคือเราจ่ายเงินเท่าบิลที่ร้านอาหารเรียกเก็บเลยครับ ร้านอาหารหลายๆที่จะเป็นแบบ self service คือเราเดินไปสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์และจ่ายเงินตรงนั้นตามยอดในบิลและเดินไปรับอาหารและไปหาที่นั่งทานในร้านได้เลย ส่วนร้านอาหารประเภทที่นั่งสั่งที่โต๊ะและเรียกเก็บบิลที่โต๊ะก็ไม่จำเป็นต้องบวกทิปเช่นเดียวกัน เพราะในบิลจะมีการบวกค่าบริการและค่าภาษีไว้อยู่แล้วซึ่งจะสรุปไว้ด้านล่างบิล น้องๆที่จ่ายแทนเพื่อนๆไปก่อนเวลาเราหารกันก็อย่าลืมบวกส่วนนี้ไปด้วยน้า เพราะร้านอาหารหลายๆร้านจะไม่ได้บวกส่วนนี้ไว้ในราคาในเมนูอาหาร ส่วนใหญ่ค่าบริการและภาษีจะบวกประมาณ 25% ของยอดรวม สรุปสั้นๆว่าหากเราไม่ให้ทิปจะไม่โดนมองแรงใส่แน่นอน เพราะว่าวัฒนธรรมที่นี่ไม่เหมือนกับที่อเมริกาครับ
2. น้องๆอาจจะคิดว่าฝรั่งเป็นประเทศที่มีความเปิดเผยในเรื่องเพศมากๆจากการดูทีวี แต่จากประสบการณ์ตรงของพี่นั้นรู้สึกว่าที่อังกฤษมีความใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก เราเดินตามถนนจะไม่เห็นคู่รักแสดงความรักกอดจูบกันให้เราเห็นเหมือนในทีวีเลย วัฒนธรรมของอังกฤษยังคงไม่เปิดเผยขนาดนั้น รวมถึงน้องๆที่เป็นแฟนกันและต้องการไปเรียนและพักในห้องพักเดียวกันนั้นเป็นเรื่องยากมากๆครับที่โฮสแฟมิลี่ส่วนใหญ่จะรับจะรับได้ในวัฒนธรรมของชาวอังกฤษ
3. ชาวอังกฤษจะพูดจากันเบามากๆ เวลาเราไปนั่งรถไฟฟ้าหรือเดินตามที่สาธารณะ จะพูดจากันเบามากไม่มีการตะโกนโหวกเหวก และหากน้องอยู่ในที่สาธารณะนั้นถ้าเราจะดูคลิปวีดีโอหรือดูหนังจำเป็นจะต้องใส่หูฟังนะครับ
4. การดื่มแอลกอฮอล์ ที่ประเทศอังกฤษนั้นเราสามารถดื่มได้ตลอดเวลาไม่มีการจำกัดเวลาขาย แต่จะไม่มีการขายแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หากนักเรียนหน้าเด็กแต่อายุเราเกินเจ้าหน้าที่จะมีการขอดูพาสปอร์ตเราก่อนเพื่อเป็นการคอนเฟิร์มว่าเราอายุเกิน 18 ปีถึงจะขายให้เราได้รวมถึงการเข้าผับต่างๆ นักเรียนอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไม่ได้จ้า
5. ร้านอาหารที่อังกฤษน้อยมากที่จะมีการเปิดเพลงในร้านอาหาร น้องๆคนไหนที่คาดว่าจะไปนั่งชิวๆจิบแอลกอฮอล์ฟังเพลงอาจจะต้องทำใจนิดนึงนะครับ พี่ก็เป็นสายที่ชอบแบบนี้แต่บอกเลยหายากหน่อยครับ แต่ก็มีร้านที่เปิดเพลงนะครับจะต้องเป็นพวก Night club เท่านั้นที่เปิดเพลง เพราะชาวอังกฤษเน้นคุยกันตอนรับประทานอาหารแบบไม่มีเสียงรบกวน
6. ค่าไฟที่อังกฤษแพงมากๆๆ เพราะฉะนั้นโอสแฟมิลี่อาจจะกำชับเราหนักมากๆ ในเรื่องที่ว่าถ้าเราจะออกนอกบ้านจะต้องปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆและดึงปลั๊กออกจากเต้าเสียบ ห้ามเสียบค้างไว้นะครับน้อง เพราะค่าไฟที่นั่นเค้าแพงจริงๆ
7.การขึ้นรถเมล์ที่อังกฤษจำเป็นต้องโบกรถด้วย ถ้าสายที่เรากำลังจะขึ้นกำลังขับมาแล้ว เพราะบางป้ายถ้าไม่มีคนลงและไม่มีคนโบกคนขับจะไม่จอด
8. ที่อังกฤษนั้นทุกคนมีความเท่าเทียมมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีเท่ากันไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร จะรวยหรือจะจน จะหน้าตาดีหรือหน้าตาไม่ดี จะไม่มีการทักจุดด้อยของคนอื่น เป็นสิ่งต้องห้ามมากๆ ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวมาแบบไหน แบรนด์เนมหรือไม่แบรนด์เนม คนอังกฤษจะทักว่าวันนี้คุณแต่งตัวสวยจัง จะพูดแต่เรื่องดีๆเท่านั้น หากเราเห็นจุดด้อยของคนอื่นห้ามพูดนะครับ การหาเรื่องคุยของวัฒธรรมอังกฤษคือพูดเรื่องทั่วไป สภาพอากาศ หรืออื่นๆ ไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวของคนที่ไม่สนิทนะครับ จากที่พี่สังเกตได้เพื่อนชาวอังกฤษของพี่หรือคนที่อยู่อังกฤษมานานๆแทบจะ 100% จะไม่มีการพูดถึงข้อดีของตัวเองให้คนอื่นฟังเลย เอาง่ายๆคือไม่ค่อยโอ้อวดว่าตัวเองดีหรือเหนือกว่าคนอื่นอย่างไรเพราะที่นี่จะไม่มีคนสนใจอะไรแบบนี้เพราะเขาคิดว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แม้กระทั่งบางคนเวลาลงจากรถเมล์ยังตะโกนบอกคนขับว่า Thank you driver
9.ที่อังกฤษร้านขายของที่เปิด 24 ชม.แทบไม่มีเลยครับ ส่วนใหญ่จะปิดประมาณ 4 ทุ่มน้องๆ ใครอยากซื้อของต่างๆควรเตรียมตัวก่อน 4 ทุ่มนะครับ ที่อังกฤษไม่มีร้าน 7/11 นะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต Local ,
ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตแฟรนไชส์จะมี Sainbury , Tessco, และ Co op , M&S หรือ Mark and Spenser
นี่เป็นแค่วัฒนธรรมของชาวอังกฤษบางส่วนที่พี่ๆกู๊ดไทม์เอ็ดดูเคชั่น เอามาเล่าให้น้องๆฟังน้า ในวันปรับพื้นฐานก่อนเดินทางไปเรียนที่อังกฤษทางบริษัทจะมีพี่ๆที่มีประสบการณ์ตรง ในอังกฤษมาเล่าวัฒนธรรมของชาว UK ที่น้องๆควรทราบให้อีกน้า